ดื่มมัทฉะกับกาแฟอันไหนดีกว่ากัน

มัทฉะกับกาแฟอันไหนดีกว่ากัน ปริมาณคาเฟอีนต่างกันเยอะไหม เลือกดื่มแบบไหนดี

เป็นที่รู้กันว่าการดื่มกาแฟนั้นเป็นที่นิยมของคนไทยมาก เห็นได้จากร้านคาเฟ่ที่มีอยู่ทุกหนทุกแห่งเต็มไปหมด โดยเฉพาะชาวออฟฟิศที่ต้องตื่นแต่เช้าฝ่ารถติดรีบไปเข้างานเพื่อเคลียร์กับงานกองโตที่รออยู่ จนต้องหันหน้ามาพึ่งกาแฟทุกวันเพื่อให้ตื่นตัวพร้อมไปรบกับงานที่คั่งค้างยาวๆ แต่ก็มีคนไม่น้อยที่เริ่มเกิดอาการที่ดื่มกาแฟแล้วก็ไม่ได้ผลยังง่วงเหมือนเดิม หรือเกิดอาการติดกาแฟที่หากหยุดดื่มแล้วจะมีอาการอ่อนเพลีย ปวดหัว ไม่มีสมาธิ หรือแม้แต่คลื่นไส้ ก็อาจจะมองหาทางเลือกใหม่ๆของคาเฟอีน อย่างเช่นชาเขียวมัทฉะที่เป็นที่นิยมไม่แพ้กัน ที่ว่ากันว่ามีคาเฟอีนน้อยกว่า วันนี้เราจะมาดูกันว่ามัทฉะกับกาแฟนั้นเราควรจะดื่มอะไรดีกว่ากัน เรื่องของคาเฟอีนต่างกันมากมั้ย สามารถกินได้กี่แก้วต่อวัน มันออกฤทธิ์ต่างกันอย่างไร รวมไปถึงประโยชน์และโทษของมัทฉะและกาแฟ

ประโยชน์ของมัทฉะ

ประโยชน์ของมัทฉะมีอะไรบ้าง

ทุกวันนี้ชาเขียวมัทฉะก็เป็นที่นิยมมาก สังเกตได้จากคาเฟ่ร้านชามัทฉะที่ผุดขึ้นมากมายรวมไปถึงร้านชาสมัยใหม่ที่ทำออกมาในสไตล์ร่วมสมัย คนรุ่นใหม่หันมาดื่มชา หันมาทำความรู้จักกับชามากขึ้น ที่ว่ากันว่าชานั้นให้ประโยชน์มากมาย และที่โดนใจคนส่วนใหญ่ก็หนีไม่พ้นชาเขียวมัทฉะ ที่นอกจากความอร่อยแล้ว ยังเป็นที่เลื่องลือของสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่มากในชาเขียว ช่วยต้านโรค ต้านความแก่ ประโยชน์ของมัทฉะมีอะไรบ้างนั้นเรามาดูกัน

  • มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เช่น สารคาเทชิน (Catechin) (EGCG) ที่พบมากในชาเขียว ซึ่งออกฤทธิ์สำคัญในการต้านอนุมูลอิสระ จัดเป็นสารสำคัญที่มีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาหลากหลายด้าน จะช่วยเรื่องลดคอเลสเตอรอล ลดความดันโลหิต จะช่วยในเรื่องลดการอักเสบ ชะลอความแก่ ลดสัญญาณแห่งวัย ความความเสี่ยงมะเร็งบางชนิด
  • ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล เมื่อไขมันในหลอดเลือดลดลงก็จะลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ ส่งเสริมให้หัวใจและหลอดเลือดแข็งแรง
  • กระตุ้นการเผาผลาญ สารคาเทชินช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญแคลอรี่ได้มากขึ้น เช่น ขณะออกกำลังกาย
  • ช่วยให้ผ่อนคลาย ลดความเครียด สารแอล-ธีอะนีน (L-theanine) ที่มีอยู่เยอะในมัทฉะจะช่วยลดความเครียด ความวิตกกังวล และช่วยให้ผ่อนคลาย ทำให้มีสมาธิมากขึ้นส่งผลให้มีความจำที่ดีขึ้น
  • ป้องกันโรคเบาหวานประเภทที่ 2 ช่วยลดภาวะการดื้ออินซูลินได้ อินซูลินคือฮอร์โมนที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในร่างกายให้ปกติ

โทษของมัทฉะ

  • ผลเสียต่อกระเพาะ คนที่เป็นโรคกระเพาะหรือกรดไหลย้อนควรงด เพราะการดื่มเวลาที่ท้องว่าง เพราะคาเฟอีนยิ่งขับกรดในกระเพาะออกมามากขึ้น
  • การดื่มในประมาณมากไปอาจทำให้ใจสั่นหรือนอนไม่หลับ
  • อาจทำให้ขาดธาตุเหล็ก สารแทนนินในชาเป็นสารที่ให้รสขมฝาด มีฤทธิ์ยับยั้งการดูดซึมธาตุเหล็ก แม้จะไม่ใช่ปริมาณที่มากพอให้เป็นอันตรายได้ แต่สำหรับคนที่มีภาวะโรคโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กแล้วควรงด
  • ความเสี่ยงโรคกระดูกพรุน คาเฟอีนจะมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ซึ่งเวลาขับปัสสาวะก็จะดึงแคลเซียมออกมาด้วย จึงควรรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมให้เพียงพอ

ประโยชน์ของกาแฟ

ประโยชน์ของกาแฟมีอะไรบ้าง

กาแฟ นอกจากจะเป็นตัวช่วยให้รู้สึกตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า ความคิดแล่น ซึ่งเป็นประโยชน์ที่ทุกๆคนรู้กันดีอยู่แล้ว

ยังได้ประโยชน์อีกมากมายกว่าที่คิด ถึงขั้นที่ว่าถูกนำเมล็ดกาแฟไปเป็นสารสกัดผสมลงในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง เช่น เซรั่ม ครีม ผลิตภัณฑ์บำรุงรอบดวงตา แต่ทั้งนี้กาแฟที่เราพูดถึงกันต้องเป็นกาแฟดำ ไม่ใส่นม ไม่ใส่น้ำตาล ครีมเทียม อะไรใดๆ จึงจะได้ประโยชน์ดังนี้

  • เป็นแหล่งสารต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความแก่ ลดอักเสบ ลดความเสี่ยงโรคต่างๆและโรคหัวใจน้อยลง
  • ลดการเกิดโรคเบาหวาน สารต้านอนุมูลอิสระบางตัวในกาแฟ ทำให้ลดภาวะดื้ออินซูอิน ฮอร์โมนอินซูลินนั้นเป็นตัวควบคุมระดับน้ำตาลในร่างกาย
  • ช่วยกระตุ้นสมองให้ทำงานได้เร็วขึ้น การดื่มคาเฟอีนในปริมาณที่เหมาะสมจะเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและการตัดสินใจได้ดีขึ้น
  • ชะลอการเกิดโรคพาร์กินสัน เพราะคาเฟอีนจะกระตุ้นการทำงานของสมองและช่วยป้องกันการเสื่อมของเซลล์สมอง
  • ช่วยเผาผลาญไขมัน คาเฟอีนในกาแฟจะเร่งการเผาผลาญไขมันและระบบการเผาผลาญทุกอย่างในร่างกาย สามารถส่งเสริมความทนทานในการออกกำลังกาย

โทษของกาแฟ

  • ทำให้ความดันโลหิตสูง คาเฟอีนจะกระตุ้นให้หัวใจเต้นแรงอาจทำให้เกิดความดันโลหิตสูงได้
  • เสี่ยงโรคหัวใจ จากฤทธิ์กระตุ้นของคาเฟอีน หากดื่มในปริมาณมากเกินไป
  • ความเสี่ยงโรคกระดูกพรุน คาเฟอีนจะมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ซึ่งเวลาขับปัสสาวะก็จะดึงแคลเซียมออกมาด้วย
  • เสี่ยงโรคเบาหวาน จากการเติมน้ำตาลเติมน้ำข้นหวานมากไป
  • อันตรายต่อระบบประสาทส่วนกลาง หากดื่มในปริมาณมาก คาเฟอีนจากกาแฟจะกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัว เกิดการกระตุ้นมากเกินไป ทำให้มีความกระวนกระวายได้ กระสับกระส่าย นอนไม่หลับ หัวใจเต้นแรง
  • ก่อให้เกิดภาวะดื้อคาเฟอีน ทำให้ต้องเพิ่มปริมาณการดื่มมากขึ้นเพื่อให้ได้ผลเท่าเดิม รวมไปถึงภาวะถอนคาเฟอีน ที่ถ้าหากหยุดดื่มไปจะทำให้ ปวดหัว อ่อนเพลีย ขาดสมาธิ คลื่นไส้

คาเฟอีนในมัทฉะ

โดยปกติมัทฉะ 1 แก้ว จะมีคาเฟอีนอยู่ประมาณ 32 มิลลิกรัม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับเกรดของมัทฉะ การชงและปริมาณผงที่ใช้ ซึ่งอาจมีคาเฟอีนสูงกว่านี้ได้มาก ยิ่งการนำมัทฉะไปชงกับนมที่มีขายตามร้านคาเฟ่ ส่วนใหญ่ก็จะเพิ่มปริมาณผงมัทฉะเข้าไปอีกเพื่อรสชาติที่ดี และเกรดมัทฉะยิ่งสูงมากคาเฟอีนก็จะยิ่งสูงมากขึ้นตาม โดยพื้นฐานแล้วมัทฉะ 1 กรัม นั้นมีคาเฟอีนอยู่ประมาณ 32 มิลลิกรัม

คาเฟอีนในกาแฟ

โดยปกติกาแฟ 1 แก้วจะมีคาเฟอีนอยู่ประมาณ 100 มิลลิกรัม ขึ้นอยู่กับพันธุ์เมล็ดกาแฟ ระดับการคั่ว การชง ถ้าเป็นกาแฟสำเร็จรูปปริมาณคาเฟอีนก็ขึ้นอยู่กับปริมาณผงกาแฟที่ใช้ชง ถ้าเป็นกาแฟคั่วบดหรือที่รู้จักกันในนามกาแฟสดปริมาณคาเฟอีนก็ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำที่ใช้สกัดกาแฟ ซึ่งในที่นี้เรากำลังพูดถึงกาแฟดำที่เป็นกาแฟสด 1 แก้ว ขนาด 8 ออนซ์ (240 cc) ไม่นับรวมกาแฟเย็นอเมริกาโน่ที่จะใช้ผงกาแฟ 2 ช็อต ซึ่งใช้ปริมาณน้ำเพื่อสกัดมากกว่า ปริมาณคาเฟอีนก็จะเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1 เท่า กาแฟสำเร็จรูป 1 แก้วมีคาเฟอีนประมาณ 63 มิลลิกรัม เมล็ดกาแฟพันธุ์อาราบิก้า 1 กรัม มีคาเฟอีน 12 มิลลิกรัม และพันธุ์โรบัสต้า 1 กรัม มีคาเฟอีน 22 มิลลิกรัม

คาเฟอีนในมัทฉะและกาแฟออกฤทธิ์ต่างกันอย่างไร

ปริมาณคาเฟอีนในมัทฉะและกาแฟ

การออกฤทธิ์ของคาเฟอีนในมัทฉะจะแตกต่างกับกาแฟ เพราะในใบชาจะมีกรดอะมิโนตัวหนึ่งที่ชื่อว่า แอล-ธีอะนีน ที่ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย ลดความวิตกกังวล และช่วยให้มีสมาธิมากขึ้นส่งผลให้ความจำดีขึ้น สารตัวนี้จะเป็นตัวคอยสกัดให้คาเฟอีนทำงานได้ช้าลง ทำให้ชาเขียว 1 แก้วนั้นแม้จะมีปริมาณคาเฟอีนที่น้อยกว่ากาแฟแต่ก็สามารถออกฤทธิ์แบบค่อยเป็นค่อยไปได้นานถึง 4-6 ชั่วโมงเลยทีเดียว ส่วนคาเฟอีนในกาแฟนั้นเมื่อเราดื่มเข้าไปแล้วจะใช้เวลาเข้าสู่ร่างกาย 15 นาที ใช้เวลาดูดซึมประมาณ 45 นาที และออกฤทธิ์สูงสุดอีกประมาณ 2 ชั่วโมง หลังจากนั้นก็จะลดลงและใช้เวลากำจัดคาเฟอีนออกจากร่างกายประมาณ 9 ชั่วโมง สรุปคือกาแฟจะมีผลทันทีไม่นานหลังจากดื่ม และออกฤทธิ์ไปประมาณ 3 ชั่วโมง

มัทฉะกับกาแฟอันไหนดีกว่ากัน

จริงๆอาจไม่มีคำตอบว่าสิ่งไหนดีที่สุด มีแต่คำตอบว่าสิ่งไหนเหมาะที่สุดเท่านั้นเอง หากเราต้องการพลังงานแบบเร่งด่วน ต้องการความตื่นตัวในทันที ในตอนเช้าก่อนทำงานหนัก หรือก่อนออกกำลังกาย กาแฟดูเป็นทางเลือกที่เหมาะกว่า หากเราต้องการสมาธิ เน้นการผ่อนคลาย เน้นประโยชน์จากสารต้านอนุมูลอิสระ ชาเขียวมัทฉะก็เป็นทางเลือกที่ดี ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนด้วยที่อาจจะมีรสชาติหรือความขมฝาดไม่เหมือนกัน และหากมองถึงประโยชน์อื่นๆแล้วก็ต้องดื่มอย่างพอดี หากดื่มมากไปหรือปรุงแต่งมากไปก็เป็นโทษได้หมด

แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้ไม่ว่าจะมีใครบอกเราว่ามัทฉะหรือกาแฟนั้นดีขนาดไหน หรือไม่ดียังไงก็ตามแต่ เราต้องฟังเสียงจากร่างกายเราดีที่สุดเพราะร่างกายของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกันเลย เนื่องจากการตอบสนองและจัดการกับคาเฟอีนนั้นเป็นสิ่งที่อยู่ลึกไปถึงระดับยีนส์หรือรหัสพันธุกรรมในร่างกายแต่ละคนซึ่งไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้ และไม่ใช่แค่กับเรื่องคาเฟอีน โทษอื่นๆในมัทฉะและกาแฟเราก็ต้องเข้าใจถึงปัจจัยของมันเพื่อที่จะดื่มได้อย่างปลอดภัย

สามารถดื่มมัทฉะกับกาแฟร่วมกันได้ไหม

ตามร้านคาเฟ่ในปัจจุบันเริ่มมีการนำทั้ง 2 อย่างมาผสมร่วมกันเยอะขึ้น ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เช่น เมนูมัทฉะกาแฟ หรือ กาแฟมัทฉะก็ตามแต่ ซึ่งสามารถดื่มได้ แต่ส่วนใหญ่จะปรุงแต่งกันด้วยนมและน้ำตาลทำให้เสียคุณค่าจากสารในใบชาและกาแฟและทำให้มีแคลอรี่สูง ถ้าหากเราต้องการชงดื่มเองก็ควรระมัดระวังเรื่องปริมาณคาเฟอีนเป็นสำคัญ อาจไม่เหมาะกับคนที่เซนซิทีฟต่อคาเฟอีนและคนที่เป็นโรคกระเพาะหรือกรดไหลย้อน หากพูดถึงประโยชน์ นอกจากความอร่อยและแปลกใหม่แล้ว สารแอล-ธีอะนีนในมัทฉะจะช่วยให้คาเฟอีนออกฤทธิ์ค่อยเป็นค่อยไป ลดความกระวนกระวายจากคาเฟอีนในกาแฟได้ และจะได้รับสารต้านอนุมูลอิสระทั้งจากมัทฉะและกาแฟ

สรุปส่งท้าย

จบกันไปแล้วสำหรับความต่างระหว่างชามัทฉะและกาแฟ มีคนไม่น้อยที่อาจจะชอบกาแฟและไม่ชอบชาหรือคนที่ชอบชาและไม่ชอบกาแฟ ก็สามารถเปิดโลกทำความเข้าใจอีกฝ่ายได้ บางทีการได้รู้จักและได้เข้าใจอาจช่วยให้เราได้เปิดทางกับสิ่งใหม่ อาจจะเจอสิ่งที่ใช่กว่าเดิมหรือไม่เจอก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยเราก็สามารถเปิดทางเลือกให้กับตัวเองได้มากขึ้น เป็นการเปิดโอกาสมากขึ้นกว่าเดิม อย่างน้อยๆวันนี้เราก็ได้รู้แล้วว่าเราอยากจะดื่มอะไรดี อยากจะลองสิ่งใหม่มั้ย ชามัทฉะกับกาแฟเครื่องดื่มยอดนิยมนี้ต่างกันอย่างไร การออกฤทธิ์ หรือประโยชน์ต่างๆ ก็ช่วยให้เราตัดสินใจได้ง่ายกว่าเดิม

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง